ฉีดกลูตาไธโอน" ขาว ..แต่อันตรายถึงชีวิต "

สาวๆบางคนอาจยังสงสัยว่า กลูตาไธโอน คืออะไร? สาวๆต่างพากันไปฉีดเพราะสรรพคุณที่ว่าฉีดแล้วจะสวยขาวใสดั่งอาหมวย ผิวจะขาวผ่องเป็นยองใย แสนเสน่ห์เลยจะมาบอกเพิ่มเติมว่า เจ้ากลูตาไธโอน ที่สาวๆทั้งหลาย ทั้งดารานักร้องต่างแห่กันไปฉีดเนี่ยมันมีผลข้างเคียงอย่างไร

สารก ลูตาไธโอน เป็นโปรตีนที่ร่างกายเราสังเคราะห์ได้เอง ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยตับขจัดสารพิษ โดยเฉพาะตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เช่น โลหะหนัก สารฆ่าแมลง เมื่อรวมตัวกับสารกลูตาไธโอนจะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกาย ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง


เนื่องจากร่างกายเราสร้างกลูตาไธโอนได้เอง เมื่อต้องเสริมกลูตาไธโอนในปริมาณมากเพื่อมุ่งรักษาโรค จึงมีผลข้างเคียงโดยกลูตาไธโอนมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ทำให้ผิวขาวขึ้นในเวลาอันสั้น จึงเกิดการแตกตื่นและนำกลูตาไธโอนมาเเป็นอาหารเสริมเพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู


กิน-ฉีดให้ขาว อันตรายถึงชีวิต

ในความเป็นจริงยาเม็ดที่เป็นอาหารเสริมไม่มีผลให้ผิวขาว เพราะสารชนิดนี้ไม่สามารถดูดซึม และจะถูกขจัดออกจากร่างกายในที่สุด จึงได้มีการดัดแปลงนำมาผสมกับวิตามินซีแล้ว ฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อครั้งละ 600 มิลลิลิตร สัปดาห์ละครั้ง ราคา 4,000-5,000 บาท ติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ ผิวจะเริ่มขาวขึ้นหลังฉีดครั้งแรกประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้น 2 เดือนผิวจะกลับมาเป็นสีเดิมจึงต้องฉีดซ้ำอยู่เป็นระยะ

ต่อมาองค์การอาหารและยาได้ประกาศห้ามใช้กลูตาไธโอนเพื่อช่วยผิวขาวแล้ว เนื่องจาก กลูตาไธโอนทั้งชนิดเม็ดและชนิดฉีดเพื่อมุ่งผิวขาวมีกลูตาไธโอนสูงถึง 500-1,000 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่แพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยใช้ คือ ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน และอาจทำให้แพ้ยาจนช็อกถึงขึ้นเสียชีวิตเฉียบพลัน หรือส่งผลในระยะยาว เช่น สะสมในร่างกายส่งผลเสียต่อตับและไตได้ และทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังเนื่องจากผิวไวต่อแสงแดดเพราะเม็ดสีผิวถูก ทำลาย

เสริมกลูตาไธโอนด้วยการกิน

แม้การบริโภคกลูตาไธโอนในปริมาณมากจะส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีโรคแทรกซ้อน อาจทำให้ปริมาณกลูตาไธโอนที่ร่างกายผลิตได้ลดลง ทำให้ร่างกายขาดสารต้านอนุมูลอิสระ ผิวแห้งเหี่ยวเร็ว ไม่เปล่งปลั่ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ (ในกรณีที่ป่วย) หรือเลือกกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างกลูตาไธโอนได้ดีขึ้น ได้แก่ ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว นม ไข่ หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม มะเขือเทศ และผลไม้ เช่น แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น อะโวคาโด

4 ความคิดเห็น:

Admin กล่าวว่า...

ด้วยชาติกำเนิด..เกิดมาเป็นสาวผิวคล้ำ..คนหนึ่ง
มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะอยากขาว(ไม่ใช่ทุกคนนะคะ)
แต่ก็ไม่ใด้ดิ้นรน...พอใจแล้วคะ ขอบคุณนะคะ..

Admin กล่าวว่า...

กินสิ่งดีๆ ในการสร้างกลูตาไธโอนดีกว่า..

Admin กล่าวว่า...

อยากผิวสวย กินผลไม้ทุกวัน กินน้ำเต้าหู้ กินvitC ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้แต่แสงจากหลอดไฟฟ้า ก็มีรังสี UVB นะ ขับถ่ายตอนเช้าทุกวัน ที่สำคัญมองโลกในแง่ดี เข้าไว้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารถูกส่วน (3 อ.)การที่มีจิตปรารถนาดีต่อผู้อื่นๆ อยู่เนืองๆ และการพูดดี พูดเพราะเสนาะโสต ก็เป็นอานิสงฆ์ ที่จะทำให้ผิวพรรณงาม เปล่งปลั่งได้ค่ะ ถึงจะไม่ขาวจั๊ว แต่ก็อาจเป็นคนที่ใครๆอยากอยู่ใกล้ๆ ดีกว่าเสียเงินซื้อความสุขชั่วคราว ที่ไม่อาจรู้ว่าความสุขวันนี้ จะยังเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ต่อตัวเราเอง ในอนาคต

Admin กล่าวว่า...

การให้ข้อมูลเรื่องสารกลูต้าไธโอนที่ทำให้มันดูเหมือนเป็นอันตรายเกินความ เป็นจริง ผมยังไม่ทราบเลยว่าคนที่ปล่อยข้อมูลออกมามีเหตุผลอะไร
เพื่อไม่ ให้มีคนฉีดสารนี้ก่อนการมี อย. ออกมารับรองเหรอครับ คือตอนนี้ร้านขายยาก็มีขายนะครับกลูต้าไธโอน แต่มีกลูต้า 250 mg./cap
ถ้า มันอันตรายขนาดกินแล้วตาย เอาออกมาขายทำไมครับ ร้านขายยามันยังแนะนำให้กินวันละ 2 เม็ดเลย มันก็เกิน 250 mg ต่อวัน

ดูๆ แล้วเหมือนมีผลประโยชน์แอบแฝงเยอะเลยนะครับเรื่องนี้ บริษัทยาของไทยเค้าไม่แฮปปี้หรือไงครับที่ยาเค้าขายได้น้อย เลยต้องควบคุมให้เหลือ 250 mg/cap
แต่เวลากินจริงๆก็กินทีละ 2 cap วันละ 2 เวลา สรุปก็กินวันละ 1000 mg. ขายยาได้เยอะขึ้น

แสดงความคิดเห็น